ผู้ที่มีความเสี่ยงเป็นโรคปอด ผู้ที่มีความเสี่ยงเป็นโรคปอด คือกลุ่มคนที่มีปัจจัยบางอย่างที่ทำให้ปอดทำงานผิดปกติ หรือมีโอกาสติดเชื้อ/เกิดความเสียหายต่อปอดได้ง่ายกว่าคนทั่วไป ซึ่งปัจจัยเหล่านี้มีทั้งสิ่งที่ควบคุมได้และควบคุมไม่ได้ครับ การทราบถึงความเสี่ยงเหล่านี้จะช่วยให้สามารถป้องกันหรือเฝ้าระวังโรคปอดได้อย่างทันท่วงที
กลุ่มเสี่ยงสูงและปัจจัยสำคัญ
ผู้ที่สูบบุหรี่ หรือได้รับควันบุหรี่มือสอง/มือสาม:
ผู้สูบบุหรี่: เป็นปัจจัยเสี่ยงอันดับ 1 ของโรคปอดเกือบทุกชนิด ทั้ง ถุงลมโป่งพอง (COPD), หลอดลมอักเสบเรื้อรัง, มะเร็งปอด, และทำให้เกิดปอดติดเชื้อได้ง่ายขึ้น
ควันบุหรี่มือสอง (Secondhand Smoke): ผู้ที่อยู่ใกล้ชิดกับผู้สูบบุหรี่เป็นประจำ ก็ได้รับอันตรายไม่ต่างกัน
ควันบุหรี่มือสาม (Thirdhand Smoke): สารพิษตกค้างบนเสื้อผ้า เฟอร์นิเจอร์ หรือพื้นผิวต่างๆ ก็ยังคงเป็นอันตรายได้ โดยเฉพาะกับเด็กเล็ก
ผู้ที่สัมผัสสารเคมีหรือมลภาวะทางอากาศเป็นประจำ:
อาชีพเสี่ยง: เช่น คนงานเหมือง, คนงานโรงงานอุตสาหกรรม (สัมผัสฝุ่นแร่ใยหิน, ซิลิกา, สารเคมี), เกษตรกร (สัมผัสยาฆ่าแมลง), พนักงานเชื่อมโลหะ, ช่างก่อสร้าง (ฝุ่นปูนซีเมนต์), พนักงานที่ทำงานในพื้นที่แออัดหรือมีฝุ่นมาก
มลพิษทางอากาศ: ฝุ่น PM2.5, ควันพิษจากท่อไอเสียรถยนต์, ควันจากการเผาไหม้ (เช่น เผาป่า, เผาขยะ), สารพิษในอากาศภายในอาคาร เช่น ควันธูป, ควันจากเตาถ่าน, ควันจากการทำอาหารที่ไม่มีการระบายอากาศที่ดี
ผู้ที่มีโรคประจำตัวบางชนิด:
โรคเบาหวาน: ภูมิคุ้มกันร่างกายอ่อนแอลง ทำให้ติดเชื้อในปอดได้ง่ายขึ้น
โรคหัวใจ: โดยเฉพาะภาวะหัวใจล้มเหลว อาจทำให้มีน้ำคั่งในปอด
โรคไตวายเรื้อรัง: อาจมีของเสียสะสมและส่งผลกระทบต่อปอด
โรคเกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกันบกพร่อง: เช่น HIV/AIDS, ผู้ที่ได้รับยากดภูมิคุ้มกัน (เช่น หลังปลูกถ่ายอวัยวะ) ทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อฉวยโอกาสในปอด
โรคภูมิแพ้หรือหอบหืด: มีหลอดลมไวต่อสิ่งกระตุ้นและเกิดการอักเสบได้ง่าย
โรคมะเร็ง: การรักษามะเร็งด้วยเคมีบำบัดหรือรังสีรักษาบางชนิดอาจส่งผลต่อปอด
ผู้สูงอายุและเด็กเล็ก:
ผู้สูงอายุ: ภูมิคุ้มกันร่างกายลดลง การทำงานของปอดเสื่อมลงตามวัย กล้ามเนื้อที่เกี่ยวข้องกับการหายใจอ่อนแรง ทำให้เสี่ยงต่อปอดติดเชื้อ (ปอดบวม) และโรคปอดเรื้อรัง
เด็กเล็ก: ระบบภูมิคุ้มกันยังพัฒนาไม่เต็มที่ ทางเดินหายใจเล็กและบอบบาง เสี่ยงต่อการติดเชื้อทางเดินหายใจและปอดบวมได้ง่าย
ผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นโรคปอด:
บางโรคปอดมีปัจจัยทางพันธุกรรมเกี่ยวข้อง เช่น มะเร็งปอด (บางชนิด), ถุงลมโป่งพอง (ในกรณีที่ขาดเอนไซม์ Alpha-1 Antitrypsin), ภาวะปอดเป็นพังผืด (Idiopathic Pulmonary Fibrosis)
ผู้ที่รับประทานยาบางชนิด:
ยาบางชนิด เช่น ยาเคมีบำบัดบางตัว, ยาต้านการอักเสบบางชนิด, หรือยาหัวใจบางตัว อาจมีผลข้างเคียงทำให้เกิดความเสียหายต่อเนื้อปอดได้ (ควรปรึกษาแพทย์หากกังวล)
ผู้ที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมาก:
แอลกอฮอล์อาจส่งผลกระทบต่อระบบภูมิคุ้มกันและเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อในปอด
การป้องกันและลดความเสี่ยง
หากคุณอยู่ในกลุ่มเสี่ยงดังกล่าว ควรพิจารณาแนวทางเหล่านี้เพื่อป้องกันและลดความเสี่ยงโรคปอด:
เลิกบุหรี่: สำคัญที่สุด หากเลิกได้จะช่วยลดความเสี่ยงโรคปอดได้อย่างมหาศาล
หลีกเลี่ยงควันบุหรี่มือสองและมือสาม: อยู่ให้ห่างจากผู้สูบบุหรี่
ป้องกันตนเองจากมลภาวะ: สวมหน้ากากอนามัย (N95) เมื่ออยู่ในพื้นที่ที่มีฝุ่น PM2.5 สูง หรือพื้นที่เสี่ยง, ปรับปรุงการระบายอากาศในบ้าน
ดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง: รับประทานอาหารที่มีประโยชน์, ออกกำลังกายสม่ำเสมอ, พักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
ฉีดวัคซีนป้องกันโรค: เช่น วัคซีนไข้หวัดใหญ่ และ วัคซีนปอดอักเสบ (Pneumococcal Vaccine) โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ ผู้มีโรคประจำตัว และเด็กเล็ก
รักษาสุขอนามัย: ล้างมือบ่อยๆ เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
รักษาสุขภาพช่องปากและฟัน: เพราะการติดเชื้อในช่องปากอาจแพร่กระจายไปสู่ปอดได้
ควบคุมโรคประจำตัวให้ดี: ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ในการรักษาโรคเบาหวาน โรคหัวใจ หรือโรคอื่นๆ
หากคุณมีปัจจัยเสี่ยงและเริ่มมีอาการผิดปกติเกี่ยวกับปอด เช่น ไอเรื้อรัง, หายใจเหนื่อยง่าย, เจ็บหน้าอก, มีเสมหะผิดปกติ ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและรักษาอย่างทันท่วงทีครับ