ผู้เขียน หัวข้อ: วิธี แก้ง่วงยามบ่าย ปลุกความสดชื่นให้พร้อมลุยงานต่อ  (อ่าน 270 ครั้ง)

siritidaphon

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 529
    • ดูรายละเอียด
ลองดู! ปลุกความสดชื่นด้วย 5 วิธี แก้ง่วงยามบ่าย สามารถนำไปปรับได้ง่าย ๆ ให้พร้อมลุยงานต่อ

ตกบ่ายทีไรมีอาการง่วงจนตาปรือทุกที โดยเฉพาะวันทำงาน เชื่อว่าหลาย ๆ คนในหลาย ๆ ออฟฟิศมีอาการง่วงนอนกันบ่อยโดยเฉพาะเวลาบ่ายหลังมื้อเที่ยงอันแสนอร่อย หนังท้องตึกหนังตาก็หย่อนตามมา มาปลุกความง่วงให้พร้อมลุยงานกันต่อ ด้วย 5 วิธีแก้ง่วงยามบ่ายที่สามารถนำไปปรับใช้ตามความเหมาะสมได้ง่าย ๆ ดังนี้

1. เดินยืดเส้นยืดสาย เพราะการยืดเส้นยืดสายของร่างกายจะช่วยลดความเมื่อยล้า ความเหน็ดเหนื่อย ลดอาการง่วงนอนได้ เมื่อกลับมาทำงานจะทำให้รู้สึกดีขึ้น

2. ฟังเพลง จะช่วยให้คุณรู้สึกตื่นตัว และยังทำให้มีสมาธิมากขึ้น ด้วยวิธีการสวมหูฟังสบาย ๆ สักหนึ่งอัน เลือกเพลงประเภทใดหรือเพลงของศิลปินคนใดที่ทำให้คุณรู้สึกตื่นตัวและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด ซึ่งก็จะมีความแตกต่างกันออกไปในแต่ละคน

3. พักสายตา ควรหาเวลาพักสายตาเป็นระยะ ๆ เพื่อให้สายตาได้หยุดพักและเกิดความผ่อนคลาย เมื่อต้องทำงานอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน

4. กินขนมขบเคี้ยวที่มีประโยชน์ ลดปริมาณอาหารมื้อหลักให้น้อยลง และให้กินขนมคบเคี้ยวที่มีประโยชน์มากขึ้นเพื่อให้เกิดพลังงานในร่างกายอย่างเพียงพอ

5. ดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อป้องกันความเหนื่อยล้าและความง่วง เพราะถ้าร่างกายได้รับน้ำเพียงพอ จะส่งผลให้ร่างกายมีพลังงานที่จะนำมาใช้ในการทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้



ดื่มกาแฟ" ช่วงเวลาไหน ดีต่อสุขภาพมากที่สุด

ช่วงเวลาที่เหมาะสม และดีที่สุดในการดื่มกาแฟ คือช่วงเวลาไหน เพราะอะไร และมีช่วงไหนที่ไม่ควรดื่มกาแฟบ้าง

หลายคนนิยมดื่มกาแฟตอนเช้าตรู่หลังตื่นนอน เพราะเชื่อว่าจะช่วยให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่าไปได้ตลอดทั้งวัน รวมถึงดื่มอีกแก้วเล็กๆ ในตอนบ่าย ช่วยให้สมองแล่น ไม่ง่วง จริงๆ แล้วการดื่มกาแฟในแต่ละช่วงเวลาของวัน ส่งผลต่อร่างกายแตกต่างกันหรือไม่

ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการดื่มกาแฟ เพื่อให้คาเฟอีนทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ คือช่วงเวลาสายๆ ระหว่าง 9.30-11.30 น. เพราะจริงๆ แล้ว ในแต่ละคนแม้ว่าจะมีสุขภาพร่างกายที่แตกต่างกันออกไป แต่สิ่งที่เหมือนกันคือการทำงานของ “นาฬิกาชีวิต” ที่คอยส่งสัญญาณผ่านร่างกายบอกเราตลอดว่า เวลาไหนควรตื่น ควรกิน ควรนอน

การทำงานของนาฬิกาชีวิตของเรา มักส่งฮอร์โมน คอร์ติซอล ที่ทำให้เราตื่นตัวออกมาในช่วง 8.00-9.00 น. จึงหมายความว่าร่างกายของเรามีความตื่นตัวเหมือนได้รับคาเฟอีนตามธรรมชาติโดยอัตโนมัติในช่วงเวลาดังกล่าวโดยที่ไม่จำเป็นต้องดื่มกาแฟ ดังนั้นการดื่มกาแฟในช่วงเวลานี้จึงไม่ค่อยมีประโยชน์นัก

นอกจากนี้ การดื่มกาแฟเพื่อเพิ่มคาเฟอีน กระตุ้นให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่าโดยไม่จำเป็น เพราะมีการทำงานของฮอร์โมนคอร์ติซอลอยู่แล้ว เปรียบเสมือนการกินยาทั้งที่ไม่ได้ป่วย อาจทำให้เกิดอาการคล้ายกับ “ดื้อยา” กล่าวคือ เราอาจต้องดื่มกาแฟมากกว่าปกติเพื่อให้ร่างกายรู้สึกกระปรี้กระเปร่าหายง่วงขึ้นมานั่นเอง

จึงแนะนำให้ดื่มหลังจากที่การทำงานของฮอร์โมนคอร์ติซอลลดลง คือช่วงเวลาสายๆ 9.30-11.30 น. จะดีกว่า หากตื่นนอนตอน 9.00 น. สามารถทิ้งระยะเวลาอย่างน้อย 1 ชั่วโมง ให้ระดับการทำงานของฮอร์โมนคอร์ติซอลลดต่ำลงก่อน แล้วค่อยดื่มกาแฟได้


ไม่ควรดื่มกาแฟตอนท้องว่าง

นอกจากเวลาที่เหมาะสมในการดื่มกาแฟจะเป็นช่วงสายๆ แล้ว การดื่มกาแฟขณะท้องว่างก็ควรหลีกเลี่ยงเช่นเดียวกัน ข้อมูลจาก อ.ดร. อมรรัตน์ อรุณนวล ภาควิชาโภชนศาสตร์เขตร้อน และวิทยาศาสตร์อาหาร ระบุว่า ปกติแล้วกระเพาะอาหารของคนเรามักมีการหลั่งกรดที่มีชื่อว่า ไฮโดรคลอริก ทำให้กระเพาะอาหารมีสภาวะเป็นกรด ซึ่งจะไปกระตุ้นการทำงานของเอนไซม์ต่างๆ ที่อยู่ในกระเพาะอาหาร กาแฟที่มีคาเฟอีนจะไปกระตุ้นให้เกิดการหลั่งกรดมากยิ่งขึ้น ดังนั้นหากเราดื่มกาแฟในช่วงที่ท้องว่าง อาจทำให้กระเพาะอาหารหลั่งกรดออกมามากขึ้น

แม้ว่ากรดไฮโดรคลอริก ที่มีหน้าที่สร้างสภาวะเป็นกรดให้กับกระเพาะอาหาร จะไม่ได้ทำลายกระเพาะอาหารโดยตรง เพราะปกติแล้วกระเพาะอาหารจะมีการสร้างเมือกออกมาเพื่อเคลือบผิวกระเพาะ ไม่ให้กรดทำลายผิวกระเพาะโดยตรงได้ แต่หากร่างกายของเราหลั่งกรดออกมามากเกินไป อาจเกิดแผลในกระเพาะอาหารได้

ดังนั้น ระหว่างดื่มกาแฟตอนที่ท้องยังว่างอยู่ ควรหาอาหารหรือขนมรองท้องก่อนหรือขณะดื่มกาแฟไปด้วย เช่น ขนมปัง แซนวิช กล้วย แต่จะดีที่สุดหากกินอาหารก่อนดื่มกาแฟ เพราะจะช่วยลดกรดในกระเพาะอาหารลงไปได้มาก

    เลือกดื่มกาแฟแก้วแรกในช่วงเวลาสายๆ คือช่วง 9.30-11.30 น.
    กินอาหารรองท้องก่อนดื่มกาแฟ
    สามารถจิบกาแฟทีละเล็กละน้อยไปตลอดทั้งวันได้ ทำให้ร่างกายได้รับปริมาณคาเฟอีนในแต่ละช่วงเวลาน้อย และไม่ส่งผลกระทบต่อการทำงานในระบบต่างๆ ของร่างกายมากนัก
    ไม่ควรดื่มกาแฟมากกว่า 3 แก้วต่อวัน เพราะอาจส่งผลเสียต่อร่างกายมากกว่า
    ไม่ควรดื่มกาแฟแก้วสุดท้ายในช่วงเวลาหลัง 16.00 น. เป็นต้นไป เพราะอาจส่งผลกระทบต่อเวลานอนหลับ (ทำให้นอนไม่หลับ) ได้



วิธี แก้ง่วงยามบ่าย ปลุกความสดชื่นให้พร้อมลุยงานต่อ อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://mmed.com/products/